พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระรอดชานหมากเก...
พระรอดชานหมากเกศาฝังเม็ดพระธาตุข้างบิณ หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
พระรอดชานหมากฝังเม็ดพระธาตุข้างบิณ หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
เมื่อ พ.ศ.2542 สร้างจากชานหมากที่หลวงปู่เคี้ยว ผสมผงเกสรดอกไม้ ธูปเทียน ที่หลวงปู่ใช้ไหว้พระ ด้านหลังฝังพระธาตุข้าวบิณฑ์ พุทธคุณแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตา ครบครัน พระเนื้อชานหมากของหลวงปู่ที่ดังมากๆ คือ พระรอดชานหมาก ว่ากันว่ามีพุทธคุณเทียบเท่ากับพระรอดกรุมหาวันเลยทีเดียว เล่ากันปากต่อปากว่า หลวงปู่ท่านเคยพูดว่าในอดีตชาติท่านคือฤาษีวาสุเทพ ผู้ร่วมสร้างพระรอดลำพูนที่โด่งดัง เลยเชื่อกันว่าใช้พระรอดชานหมากของท่านก็ไม่ต้องไปหาพระรอดของแท้องค์เป็นล้านๆ และมีศิษย์หลายต่อหลายคนเคยได้พระรอดที่หลวงปู่คายออกมาจากปากหลังเคี้ยวหมากด้วยครับพุทธคุณทางด้านเมตตา แคล้วคลาด ชานหมาก หมายถึง การกินดูอยุ่ดีเหลือกินเหลือใช้ เมตตามหานิยม พระรอด พระเครื่องที่มีพุทธคุณทางเด่นทางด้านเมตตาแคล้วคลาด รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง รุ่นนี้มีหลายท่านนำไปใช้เเล้วเกิดประสบการณ์ "ประสบอุบัติเหตุรอดตายมาหลายครั้ง" เป็นพระเครื่องที่มากด้วยประสบการณ์ที่ลุกศิษย์ถามถึงกันมาก


ท่านคือพระฤๅษีวาสุเทพในอดีตชาติ คุณวันทนา พัวพันธ์สกุล เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อปลายปี ๒๕๔๑ เธอได้รับมอบหมายจากทางเทศบาลเมืองลำพูน ให้เป็นผู้วาดภาพเชิงเสมือนจริงของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ขนาดเท่าองค์จริง เนื่องในวโรกาสที่นครศรีหริภุญชัย ก้าวสู่ศตวรรษที่ ๑๔

เธอจึงเข้ากราบขอความเมตตาจากหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์เพื่อขอคำแนะนำ เริ่มตั้งแต่เขียนแบบเค้าพระพักตร์ คิ้ว ปาก คาง จมูก แม้กระทั่งสี ผิวพรรณ สัดส่วน ลักษณะสีหน้าท่าทางและความสูง ขณะที่พูดถึงความสูงของพระนางฯ หลวงปู่บอกว่า สูง ๓ ศอกเดี้ยม ซึ่งเท่ากับ ๑๖๙ เซนติเมตร เธออดสงสัยไม่ได้ จึงพลั้งปากถามหลวงปู่ว่า

“ครูบาเจ้าทราบได้อย่างไรว่าสูง ๑๖๙ เซนติเมตร”

หลวงปู่ตอบว่า “เจ้าแม่มาบอกเอง”พองานผ่านไปได้ระดับหนึ่ง หลวงปู่ท่านยังได้เมตตาไปตรวจงานถึงที่บ้าน ด้วยความที่เธอยังไม่หมดความสงสัยเพราะเคยได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่าหลวงปู่ในอดีตเคยมีความเกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ เมื่อสบโอกาสเธอจึงกราบขอสุมาเรียนถามหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ครูบาเจ้า คือ ฤาษีวาสุเทพ หรือสุเทวฤาษีใช่ก่อเจ้า”

หลวงปู่มองหน้าแล้วตอบสั้นๆ ว่า “ฮื่อ”

เธอจึงหายสงสัยว่าทำไมหลวงปู่จึงมีพระรอดสมัยพระนางจามเทวีอยู่ในคำหมากไว้แจกลูกหลานจนเป็นที่อัศจรรย์นัก

พระรอดในกล่องนมเรื่องพระรอดชานหมากมีเรื่องที่ศิษย์จำนวนมากของหลวงพ่อ ประสบกันมามากมายเพียงแต่ต่างวาระโอกาสกันเท่านั้น

เมื่อปี ๒๕๓๕ ครั้งนั้นหลวงพ่อเดินทางไปกราบสังเวชนียสถาน ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางโดยรถโดยสาร ผู้ช่วยทัวร์บริษัทสยามอินทรชัยการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้นำทัวร์ ได้ถวายนมกล่องแด่หลวงพ่อ ท่านรับไปฉันจนเกือบหมด แล้วจึงคืนกล่องนมให้คุณสุปรีดา

ตอนแรกคุณสุปรีดาคิดในใจว่า อยากจะเก็บไว้ให้ลูกเมื่อกลับถึงเมืองไทย แต่เมื่อคิดดูอีกทีอีกหลายวันเหลือเกินกว่าจะได้กลับ จึงเปลี่ยนใจขอดื่มเสียเองขณะกำลังยกกล่องนม เธอได้ยินเสียงดังเหมือนมีของบางอย่างกลิ้งไปมาอยู่ในกล่องด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เธอจึงใช้มีดผ่ากล่องนมจึงได้พบพระรอดองค์เล็กๆ ๑ องค์อยู่ในนั้นการเดินทางไปอินเดียเที่ยวนี้ ไม่เพียงแต่คุณสุปรีดาเท่านั้นที่โชคดีได้พระรอด

ยังมีอีกหลายคนในคณะที่ได้พระรอด โดยการที่หลวงพ่อยื่นคำหมากที่เคี้ยวออกจากปากส่งให้ศิษย์บางคนที่ยังไม่เคยได้ หรือผู้ที่ยังไม่เชื่อ หากมีวาสนาก็มักจะได้พระรอดเป็นที่อัศจรรย์เสมอ ตลอดการเดินทางในครั้งนั้น มีผู้ได้รับพระรอดจากหลวงพ่อคนละองค์เป็นจำนวนถึง ๑๕ คน ด้วยกันชานหมากกลายเป็นพระรอดประมาณปี ๒๕๓๘ ขณะที่หลวงพ่อเข้ารับการตรวจสุขภาพและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ต้องนอนพักที่ศิริราช เพื่อรอผลการตรวจ

วันนั้นมีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งทราบข่าว และได้เข้าไปเยี่ยม หลังจากกราบนมัสการหลวงพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะกลับ ต่างก็เห็นหลวงพ่อกำลังหยิบชานหมากแห้งๆ มาไว้ในมือเพื่อที่จะแจก ทุกคนที่ไปกราบท่านในวันนั้นต่างก็ดีใจที่จะได้รับแจกชานหมากในขณะที่ท่านกำลังส่งให้ถึงมือแต่ละคนนั้น ยังเป็นเพียงชานหมากธรรมดาเท่านั้น พอตกถึงมือแต่ละคนแล้วชานหมากนั้นกลับกลายเป็นพระรอด เรื่องนี้เป็นเรื่องอจินไตย ใครอยากทราบว่าเป็นจริงอย่างไรไปขอดูของจริงได้ที่ คุณสุรชัย วีระมโนกุล ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้พระรอดดังกล่าวมาไว้ในครอบครอง

เกศากลายเป็นพระธาตุ (โดย สุวรรณา)ศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อท่านหนึ่งซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งได้นิมนต์หลวงพ่อครูบาชัยวงศ์มาพักที่บ้าน ระหว่างที่เดินทางมาบ้านของเธอ หลวงพ่อได้เมตตามอบหลอดแก้วเล็กๆ ซึ่งบรรจุเส้นเกศาของท่านไว้ มาให้บูชาติดตัว เมื่อเธอได้รับหลอดแก้วบรรจุเส้นเกศาของหลวงพ่อ ก็ได้เก็บไว้เฉยๆ ประมาณ ๔-๕ ปี จึงได้เอาหลอดแก้วนั้นไปเลี่ยมทอง เพื่อใช้ห้อยคอติดตัวเป็นประจำวันหนึ่งได้มีคนรู้จักและสนิทกันมาทักทาย และได้ขอดูหลอดแก้วที่ได้มานั้น เมื่อได้พิจารณาดูสักครู่ ก็ได้ถามว่า หลอดแก้วนี้บรรจุทับทิมเอาไว้ด้วยหรือ เธอรู้สึกแปลกใจที่ถูกถามเช่นนั้น ได้ตอบไปว่าไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มเข้าไปเลย ตั้งแต่ได้มา คงมีแต่เส้นเกศาของหลวงพ่อสีเทาขาวบรรจุอยู่เต็มภายในนั้นอย่างเดียว คงยืนกรานเช่นนั้นแต่ทว่า เพื่อนคนนั้นได้ท้วงว่าก็เห็นอยู่นี่ไง จึงได้หยิบมาพิจารณาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วก็ต้องแปลกใจและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นว่าภายในหลอดแก้วนั้น นอกจากจะมีเส้นเกศาของหลวงพ่อ แล้วยังมีเม็ดทับทิมเล็กๆ อยู่ภายในนั้นด้วย ต่างคิดว่าคงเป็นเพราะบุญฤทธิ์และความเมตตาของหลวงพ่อเป็นแน่ เส้นเกศาของท่านจึงได้กลายเป็นพระธาตุสีทับทิมเหมือนปาฏิหาริย์ต่อมาอีกระยะหนึ่ง เส้นเกศาที่เหลือของท่านก็ได้เริ่มกลายเป็นเส้นสีทองไปบ้างแล้วอย่างเห็นได้ชัด โอ้หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ศิษย์ท่านนั้นเล่าด้วยความปีติใจ

พระธาตุเสด็จในสำลี (โดย อุบาสิกา จิตสมา)เจ้าของพระธาตุ เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเธอได้มีโอกาสเดินทางไปทำธุระกับหลวงปู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างทางที่หยุดเติมน้ำมัน หลวงปู่ควักเอาสำลีเปล่าๆ ออกมาเช็ดขี้ตา เช็ดเสร็จแล้วท่านก็ส่งให้เธอ จากนั้นเธอก็ได้เก็บติดตัวมาโดยตลอดเพราะปกติเป็นคนชอบกลัวผี จึงเอาสำลีที่ได้พับเก็บไว้ในผ้ายันต์มาตลอดเป็นเวลานับ ๑๐ ปี

หลังจากหลวงปู่มรณภาพ ได้มีสารวัตรคนหนึ่งซึ่งเคยได้ยินมาว่า เธอมีผ้ายันต์ของหลวงปู่ จึงอยากจะเห็น และได้ขอเธอดู เมื่อเธอเปิดให้ดูก็พบว่ามีพระธาตุจำนวน ๖ องค์อยู่ในสำลี ซึ่งเธอเก็บไว้ในผ้ายันต์ เธอจึงแปลกใจว่าพระธาตุที่ไหนมาอยู่ในสำลีของเธอ ทั้งๆ ที่ตอนแรกที่หลวงปู่ให้มา เป็นเพียงแค่สำลีเปล่าๆ ที่ใช้เช็ดขี้ตาของหลวงปู่ ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่แท้ๆ แม้แต่ขี้ตาก็ยังกลายเป็นพระธาตุขึ้นมาได้ และยังมีพระธาตุอื่นๆ เสด็จมารวมอยู่ด้วย

หลวงปู่คือท่านวังหน้าวิเศษชัยชาญในอดีต

สมัยก่อนหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เวลาหลวงปู่จะเข้ากรุงเทพฯ ท่านมักจะแวะที่บ้านอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ทั้งขาไป และขากลับ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้แวะไปที่บ้านอาจารย์ท่านนั้นอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่อยู่เป็นการส่วนตัว หลวงปู่ได้ปรารภกับอาจารย์ท่านนั้นว่าหลวงปู่จำเขาได้ เพราะว่าเคยเป็นพ่อลูกกันมาหลายชาติแล้วและเขาก็ได้ติดตามหลวงปู่มาโดยตลอด

ในขณะที่หลวงปู่พูด ท่านก็ได้หยิบกระดาษมาวาดรูปบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในอดีตซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของกษัตริย์ไทย ท่านวาดเสร็จก็ยื่นให้อาจารย์ท่านนั้นดูแล้วถามว่าหลวงปู่ถามว่า

“รู้จักไหมว่าใคร”อาจารย์ท่านนั้น “ไม่ทราบครับครูบา”หลวงปู่ตอบว่า “หลวงปู่ในอดีต”อาจารย์ท่านนั้นถามว่า “ใครครับครูบา”หลวงปู่ตอบสั้น ๆ ว่า “วังหน้าวิชัยชาญ”

เนื้อหาบางส่วนจาก: หนังสือพระชัยวงศานุสสติ
ผู้เข้าชม
24 ครั้ง
ราคา
โทรถาม
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
@fsd8020u (มี@)
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
กรัญระยองpratharn_pยอด วัดโพธิ์nokahaเอ จันทบุรีหริด์ เก้าแสน
เปียโนเทพจิระโกหมูเจริญสุขภูมิ IRvanglanna
hra7215ErawannenggggPUNPRAbruceAmuletsว.ศิลป์สยาม
lordปาล์ม บารมีเครื่องรางpaepimaiตั้มบารมียิ้มสยาม573คุณ​หลวง​
chathanumaanwach2514หมี คุณพระช่วยBoatเมสุ ปัง พระเครื่องep8600

ผู้เข้าชมขณะนี้ 2190 คน

เพิ่มข้อมูล

พระรอดชานหมากเกศาฝังเม็ดพระธาตุข้างบิณ หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม



  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระรอดชานหมากเกศาฝังเม็ดพระธาตุข้างบิณ หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
รายละเอียด
พระรอดชานหมากฝังเม็ดพระธาตุข้างบิณ หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
เมื่อ พ.ศ.2542 สร้างจากชานหมากที่หลวงปู่เคี้ยว ผสมผงเกสรดอกไม้ ธูปเทียน ที่หลวงปู่ใช้ไหว้พระ ด้านหลังฝังพระธาตุข้าวบิณฑ์ พุทธคุณแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตา ครบครัน พระเนื้อชานหมากของหลวงปู่ที่ดังมากๆ คือ พระรอดชานหมาก ว่ากันว่ามีพุทธคุณเทียบเท่ากับพระรอดกรุมหาวันเลยทีเดียว เล่ากันปากต่อปากว่า หลวงปู่ท่านเคยพูดว่าในอดีตชาติท่านคือฤาษีวาสุเทพ ผู้ร่วมสร้างพระรอดลำพูนที่โด่งดัง เลยเชื่อกันว่าใช้พระรอดชานหมากของท่านก็ไม่ต้องไปหาพระรอดของแท้องค์เป็นล้านๆ และมีศิษย์หลายต่อหลายคนเคยได้พระรอดที่หลวงปู่คายออกมาจากปากหลังเคี้ยวหมากด้วยครับพุทธคุณทางด้านเมตตา แคล้วคลาด ชานหมาก หมายถึง การกินดูอยุ่ดีเหลือกินเหลือใช้ เมตตามหานิยม พระรอด พระเครื่องที่มีพุทธคุณทางเด่นทางด้านเมตตาแคล้วคลาด รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง รุ่นนี้มีหลายท่านนำไปใช้เเล้วเกิดประสบการณ์ "ประสบอุบัติเหตุรอดตายมาหลายครั้ง" เป็นพระเครื่องที่มากด้วยประสบการณ์ที่ลุกศิษย์ถามถึงกันมาก


ท่านคือพระฤๅษีวาสุเทพในอดีตชาติ คุณวันทนา พัวพันธ์สกุล เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เมื่อปลายปี ๒๕๔๑ เธอได้รับมอบหมายจากทางเทศบาลเมืองลำพูน ให้เป็นผู้วาดภาพเชิงเสมือนจริงของพระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งหริภุญชัย ขนาดเท่าองค์จริง เนื่องในวโรกาสที่นครศรีหริภุญชัย ก้าวสู่ศตวรรษที่ ๑๔

เธอจึงเข้ากราบขอความเมตตาจากหลวงปู่ครูบาชัยวงศ์เพื่อขอคำแนะนำ เริ่มตั้งแต่เขียนแบบเค้าพระพักตร์ คิ้ว ปาก คาง จมูก แม้กระทั่งสี ผิวพรรณ สัดส่วน ลักษณะสีหน้าท่าทางและความสูง ขณะที่พูดถึงความสูงของพระนางฯ หลวงปู่บอกว่า สูง ๓ ศอกเดี้ยม ซึ่งเท่ากับ ๑๖๙ เซนติเมตร เธออดสงสัยไม่ได้ จึงพลั้งปากถามหลวงปู่ว่า

“ครูบาเจ้าทราบได้อย่างไรว่าสูง ๑๖๙ เซนติเมตร”

หลวงปู่ตอบว่า “เจ้าแม่มาบอกเอง”พองานผ่านไปได้ระดับหนึ่ง หลวงปู่ท่านยังได้เมตตาไปตรวจงานถึงที่บ้าน ด้วยความที่เธอยังไม่หมดความสงสัยเพราะเคยได้ยินได้ฟังมานานแล้วว่าหลวงปู่ในอดีตเคยมีความเกี่ยวข้องกับพระนางจามเทวี แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆ เมื่อสบโอกาสเธอจึงกราบขอสุมาเรียนถามหลวงปู่ว่า “หลวงปู่ครูบาเจ้า คือ ฤาษีวาสุเทพ หรือสุเทวฤาษีใช่ก่อเจ้า”

หลวงปู่มองหน้าแล้วตอบสั้นๆ ว่า “ฮื่อ”

เธอจึงหายสงสัยว่าทำไมหลวงปู่จึงมีพระรอดสมัยพระนางจามเทวีอยู่ในคำหมากไว้แจกลูกหลานจนเป็นที่อัศจรรย์นัก

พระรอดในกล่องนมเรื่องพระรอดชานหมากมีเรื่องที่ศิษย์จำนวนมากของหลวงพ่อ ประสบกันมามากมายเพียงแต่ต่างวาระโอกาสกันเท่านั้น

เมื่อปี ๒๕๓๕ ครั้งนั้นหลวงพ่อเดินทางไปกราบสังเวชนียสถาน ในขณะที่พวกเรากำลังเดินทางโดยรถโดยสาร ผู้ช่วยทัวร์บริษัทสยามอินทรชัยการท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้นำทัวร์ ได้ถวายนมกล่องแด่หลวงพ่อ ท่านรับไปฉันจนเกือบหมด แล้วจึงคืนกล่องนมให้คุณสุปรีดา

ตอนแรกคุณสุปรีดาคิดในใจว่า อยากจะเก็บไว้ให้ลูกเมื่อกลับถึงเมืองไทย แต่เมื่อคิดดูอีกทีอีกหลายวันเหลือเกินกว่าจะได้กลับ จึงเปลี่ยนใจขอดื่มเสียเองขณะกำลังยกกล่องนม เธอได้ยินเสียงดังเหมือนมีของบางอย่างกลิ้งไปมาอยู่ในกล่องด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เธอจึงใช้มีดผ่ากล่องนมจึงได้พบพระรอดองค์เล็กๆ ๑ องค์อยู่ในนั้นการเดินทางไปอินเดียเที่ยวนี้ ไม่เพียงแต่คุณสุปรีดาเท่านั้นที่โชคดีได้พระรอด

ยังมีอีกหลายคนในคณะที่ได้พระรอด โดยการที่หลวงพ่อยื่นคำหมากที่เคี้ยวออกจากปากส่งให้ศิษย์บางคนที่ยังไม่เคยได้ หรือผู้ที่ยังไม่เชื่อ หากมีวาสนาก็มักจะได้พระรอดเป็นที่อัศจรรย์เสมอ ตลอดการเดินทางในครั้งนั้น มีผู้ได้รับพระรอดจากหลวงพ่อคนละองค์เป็นจำนวนถึง ๑๕ คน ด้วยกันชานหมากกลายเป็นพระรอดประมาณปี ๒๕๓๘ ขณะที่หลวงพ่อเข้ารับการตรวจสุขภาพและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ต้องนอนพักที่ศิริราช เพื่อรอผลการตรวจ

วันนั้นมีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งทราบข่าว และได้เข้าไปเยี่ยม หลังจากกราบนมัสการหลวงพ่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนที่ทุกคนจะกลับ ต่างก็เห็นหลวงพ่อกำลังหยิบชานหมากแห้งๆ มาไว้ในมือเพื่อที่จะแจก ทุกคนที่ไปกราบท่านในวันนั้นต่างก็ดีใจที่จะได้รับแจกชานหมากในขณะที่ท่านกำลังส่งให้ถึงมือแต่ละคนนั้น ยังเป็นเพียงชานหมากธรรมดาเท่านั้น พอตกถึงมือแต่ละคนแล้วชานหมากนั้นกลับกลายเป็นพระรอด เรื่องนี้เป็นเรื่องอจินไตย ใครอยากทราบว่าเป็นจริงอย่างไรไปขอดูของจริงได้ที่ คุณสุรชัย วีระมโนกุล ซึ่งเป็นบุคคลหนึ่งที่ได้พระรอดดังกล่าวมาไว้ในครอบครอง

เกศากลายเป็นพระธาตุ (โดย สุวรรณา)ศิษย์เก่าแก่ของหลวงพ่อท่านหนึ่งซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ ครั้งหนึ่งได้นิมนต์หลวงพ่อครูบาชัยวงศ์มาพักที่บ้าน ระหว่างที่เดินทางมาบ้านของเธอ หลวงพ่อได้เมตตามอบหลอดแก้วเล็กๆ ซึ่งบรรจุเส้นเกศาของท่านไว้ มาให้บูชาติดตัว เมื่อเธอได้รับหลอดแก้วบรรจุเส้นเกศาของหลวงพ่อ ก็ได้เก็บไว้เฉยๆ ประมาณ ๔-๕ ปี จึงได้เอาหลอดแก้วนั้นไปเลี่ยมทอง เพื่อใช้ห้อยคอติดตัวเป็นประจำวันหนึ่งได้มีคนรู้จักและสนิทกันมาทักทาย และได้ขอดูหลอดแก้วที่ได้มานั้น เมื่อได้พิจารณาดูสักครู่ ก็ได้ถามว่า หลอดแก้วนี้บรรจุทับทิมเอาไว้ด้วยหรือ เธอรู้สึกแปลกใจที่ถูกถามเช่นนั้น ได้ตอบไปว่าไม่ได้ใส่อะไรเพิ่มเข้าไปเลย ตั้งแต่ได้มา คงมีแต่เส้นเกศาของหลวงพ่อสีเทาขาวบรรจุอยู่เต็มภายในนั้นอย่างเดียว คงยืนกรานเช่นนั้นแต่ทว่า เพื่อนคนนั้นได้ท้วงว่าก็เห็นอยู่นี่ไง จึงได้หยิบมาพิจารณาดูอย่างละเอียดอีกครั้ง แล้วก็ต้องแปลกใจและดีใจเป็นอย่างมาก ที่ได้เห็นว่าภายในหลอดแก้วนั้น นอกจากจะมีเส้นเกศาของหลวงพ่อ แล้วยังมีเม็ดทับทิมเล็กๆ อยู่ภายในนั้นด้วย ต่างคิดว่าคงเป็นเพราะบุญฤทธิ์และความเมตตาของหลวงพ่อเป็นแน่ เส้นเกศาของท่านจึงได้กลายเป็นพระธาตุสีทับทิมเหมือนปาฏิหาริย์ต่อมาอีกระยะหนึ่ง เส้นเกศาที่เหลือของท่านก็ได้เริ่มกลายเป็นเส้นสีทองไปบ้างแล้วอย่างเห็นได้ชัด โอ้หลวงพ่อท่านศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ศิษย์ท่านนั้นเล่าด้วยความปีติใจ

พระธาตุเสด็จในสำลี (โดย อุบาสิกา จิตสมา)เจ้าของพระธาตุ เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเธอได้มีโอกาสเดินทางไปทำธุระกับหลวงปู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ระหว่างทางที่หยุดเติมน้ำมัน หลวงปู่ควักเอาสำลีเปล่าๆ ออกมาเช็ดขี้ตา เช็ดเสร็จแล้วท่านก็ส่งให้เธอ จากนั้นเธอก็ได้เก็บติดตัวมาโดยตลอดเพราะปกติเป็นคนชอบกลัวผี จึงเอาสำลีที่ได้พับเก็บไว้ในผ้ายันต์มาตลอดเป็นเวลานับ ๑๐ ปี

หลังจากหลวงปู่มรณภาพ ได้มีสารวัตรคนหนึ่งซึ่งเคยได้ยินมาว่า เธอมีผ้ายันต์ของหลวงปู่ จึงอยากจะเห็น และได้ขอเธอดู เมื่อเธอเปิดให้ดูก็พบว่ามีพระธาตุจำนวน ๖ องค์อยู่ในสำลี ซึ่งเธอเก็บไว้ในผ้ายันต์ เธอจึงแปลกใจว่าพระธาตุที่ไหนมาอยู่ในสำลีของเธอ ทั้งๆ ที่ตอนแรกที่หลวงปู่ให้มา เป็นเพียงแค่สำลีเปล่าๆ ที่ใช้เช็ดขี้ตาของหลวงปู่ ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่แท้ๆ แม้แต่ขี้ตาก็ยังกลายเป็นพระธาตุขึ้นมาได้ และยังมีพระธาตุอื่นๆ เสด็จมารวมอยู่ด้วย

หลวงปู่คือท่านวังหน้าวิเศษชัยชาญในอดีต

สมัยก่อนหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เวลาหลวงปู่จะเข้ากรุงเทพฯ ท่านมักจะแวะที่บ้านอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ท่านหนึ่ง ทั้งขาไป และขากลับ มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้แวะไปที่บ้านอาจารย์ท่านนั้นอีกครั้ง ในช่วงเวลาที่อยู่เป็นการส่วนตัว หลวงปู่ได้ปรารภกับอาจารย์ท่านนั้นว่าหลวงปู่จำเขาได้ เพราะว่าเคยเป็นพ่อลูกกันมาหลายชาติแล้วและเขาก็ได้ติดตามหลวงปู่มาโดยตลอด

ในขณะที่หลวงปู่พูด ท่านก็ได้หยิบกระดาษมาวาดรูปบุคคลสำคัญท่านหนึ่งในอดีตซึ่งเป็นเชื้อสายราชวงศ์ของกษัตริย์ไทย ท่านวาดเสร็จก็ยื่นให้อาจารย์ท่านนั้นดูแล้วถามว่าหลวงปู่ถามว่า

“รู้จักไหมว่าใคร”อาจารย์ท่านนั้น “ไม่ทราบครับครูบา”หลวงปู่ตอบว่า “หลวงปู่ในอดีต”อาจารย์ท่านนั้นถามว่า “ใครครับครูบา”หลวงปู่ตอบสั้น ๆ ว่า “วังหน้าวิชัยชาญ”

เนื้อหาบางส่วนจาก: หนังสือพระชัยวงศานุสสติ
ราคาปัจจุบัน
โทรถาม
จำนวนผู้เข้าชม
25 ครั้ง
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
URL
เบอร์โทรศัพท์
0639695995
ID LINE
@fsd8020u (มี@)
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี