พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระมงคลราชมุนีห...
พระมงคลราชมุนีหรือท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) วัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร
พระมงคลราชมุนี นามเดิม สนธิ์ พงศ์กระวี เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2446 ตรงกับวันศุกร์แรม 8 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ณ ต.บ้านป่าหวาย กิ่ง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี โยมบิดาชื่อ “สุข” โยมมารดาชื่อ “ทองดี” มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 11 คน ท่านเป็นคนที่ 6 เมื่ออายุ 11 ขวบ โยมบิดาถึงแก่กรรม โยมมารดาได้นำท่านมาฝากไว้กับพระภิกษุบุญ ซึ่งเป็นญาติกัน ที่วัดสุทัศนเทพวราราม คณะ 15 ต่อมาเมื่ออายุ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมี พระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระครูปลัดสุวัฒนพรหมจริยคุณ ฐานานุกรมใน พระพรหมมุนี (แพ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนตามปกติ จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ.2459 ท่านได้ย้ายไปอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม ในความปกครองของ พระพุทธิวิถีนายก (หลวงปู่บุญ) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม จนถึง พ.ศ. 2460 จึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่วัดสุทัศนฯ ตามเดิม ก่อนที่ท่านจะกลับ หลวงปู่บุญได้กล่าวว่า "คนอย่างเณรต้องเป็นอาจารย์คน" ซึ่งก็เป็นจริงตามคำกล่าวของหลวงปู่บุญทุกประการ ขณะที่อยู่วัดสุทัศนฯ ท่านได้ศึกษาธรรมวินัย และสอบได้ประโยคนักธรรมตรี และนักธรรมโท ต่อมาเมื่อพ.ศ.2466 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมี สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระพรหมมุนี” เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "ยติธโร" ท่านได้รับตำแหน่งฐานานุกรมต่างๆ ตามลำดับ พร้อมกับได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ รวมทั้งโหรศาสตร์ ไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา ฯลฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2481 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ "พระศรีสัจจญาณมุนี" วันที่ 8 ธันวาคม 2493 ได้เลื่อนจากตำแหน่งพระราชาคณะสามัญ ขึ้นเป็นพระราชาคณะเสมอชั้นราชที่ พระมงคลราชมุนีฯ ครองสมณศักกดิ์นี้ จนถึงวันมรณภาพ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2495 ด้วยโรควัณโรค สิริรวมอายุ 50 ปี พระมงคลราชมุนี เป็นผู้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ หลายแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เสด็จพระอุปัชฌาย์ ทรงประสาทศิลปวิทยาการอันล้ำค่า คือ ตำรับและพิธีกรรมการสร้างพระพุทธรูปและพระกริ่ง ให้แก่ท่านจนหมดสิ้น ซึ่งท่านได้สืบสานพิธีกรรมต่างๆเหล่านี้ในเวลาต่อมาสมัยที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ได้สิ้นพระชนม์แล้ว อย่างถูกต้องตามตำราทุกประการ พระมงคลราชมุนี หรือที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกขานท่านในสมณศักดิ์เดิมว่า ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ได้สร้าง พระเครื่อง และ พระกริ่ง รุ่นต่างๆ ไว้หลายรุ่น ล้วนได้รับความศรัทธานิยมจากศิษยานุศิษย์ และนักสะสมพระกริ่งอย่างกว้างขวาง
ผู้เข้าชม
1622 ครั้ง
ราคา
ข้อมูลความรู้
สถานะ
โชว์พระ
ชื่อร้าน
โจ้ ลำนารายณ์
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
BIGJOE8888
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 663-2-33219-6

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
เจริญสุขทองธนบุรีsakunchartยอด วัดโพธิ์ponsrithong2พล ปากน้ำ
swatfrank_tumErawanเซียนtermboonsadao
เปียโนBAINGERNep8600somphopchathanumaannatthanet
Pumneehoppermanนรินทร์ ทัพไทยปลั๊ก ปทุมธานีเนินพระ99chaithawat
chaokohบ้านพระสมเด็จjochoNithipornvanglannasblom

ผู้เข้าชมขณะนี้ 457 คน

เพิ่มข้อมูล

พระมงคลราชมุนีหรือท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) วัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระมงคลราชมุนีหรือท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) วัดสุทัศน์เทพวราราม ราชวรมหาวิหาร
รายละเอียด
พระมงคลราชมุนี นามเดิม สนธิ์ พงศ์กระวี เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2446 ตรงกับวันศุกร์แรม 8 ค่ำ เดือน 8 ปีเถาะ ณ ต.บ้านป่าหวาย กิ่ง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี โยมบิดาชื่อ “สุข” โยมมารดาชื่อ “ทองดี” มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 11 คน ท่านเป็นคนที่ 6 เมื่ออายุ 11 ขวบ โยมบิดาถึงแก่กรรม โยมมารดาได้นำท่านมาฝากไว้กับพระภิกษุบุญ ซึ่งเป็นญาติกัน ที่วัดสุทัศนเทพวราราม คณะ 15 ต่อมาเมื่ออายุ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมี พระมงคลราชมุนี (ผึ่ง ปุปฺผโก) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระครูปลัดสุวัฒนพรหมจริยคุณ ฐานานุกรมใน พระพรหมมุนี (แพ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนตามปกติ จนถึงเดือนเมษายน พ.ศ.2459 ท่านได้ย้ายไปอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว ต.บางแก้ว อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม ในความปกครองของ พระพุทธิวิถีนายก (หลวงปู่บุญ) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม จนถึง พ.ศ. 2460 จึงได้ย้ายกลับมาอยู่ที่วัดสุทัศนฯ ตามเดิม ก่อนที่ท่านจะกลับ หลวงปู่บุญได้กล่าวว่า "คนอย่างเณรต้องเป็นอาจารย์คน" ซึ่งก็เป็นจริงตามคำกล่าวของหลวงปู่บุญทุกประการ ขณะที่อยู่วัดสุทัศนฯ ท่านได้ศึกษาธรรมวินัย และสอบได้ประโยคนักธรรมตรี และนักธรรมโท ต่อมาเมื่อพ.ศ.2466 ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมี สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทโว) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระพรหมมุนี” เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "ยติธโร" ท่านได้รับตำแหน่งฐานานุกรมต่างๆ ตามลำดับ พร้อมกับได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ รวมทั้งโหรศาสตร์ ไสยศาสตร์ เวทมนตร์คาถา ฯลฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2481 ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ "พระศรีสัจจญาณมุนี" วันที่ 8 ธันวาคม 2493 ได้เลื่อนจากตำแหน่งพระราชาคณะสามัญ ขึ้นเป็นพระราชาคณะเสมอชั้นราชที่ พระมงคลราชมุนีฯ ครองสมณศักกดิ์นี้ จนถึงวันมรณภาพ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2495 ด้วยโรควัณโรค สิริรวมอายุ 50 ปี พระมงคลราชมุนี เป็นผู้เรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ หลายแขนง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระสังฆราช (แพ) เสด็จพระอุปัชฌาย์ ทรงประสาทศิลปวิทยาการอันล้ำค่า คือ ตำรับและพิธีกรรมการสร้างพระพุทธรูปและพระกริ่ง ให้แก่ท่านจนหมดสิ้น ซึ่งท่านได้สืบสานพิธีกรรมต่างๆเหล่านี้ในเวลาต่อมาสมัยที่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ได้สิ้นพระชนม์แล้ว อย่างถูกต้องตามตำราทุกประการ พระมงคลราชมุนี หรือที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกขานท่านในสมณศักดิ์เดิมว่า ท่านเจ้าคุณศรีฯ (สนธิ์) ได้สร้าง พระเครื่อง และ พระกริ่ง รุ่นต่างๆ ไว้หลายรุ่น ล้วนได้รับความศรัทธานิยมจากศิษยานุศิษย์ และนักสะสมพระกริ่งอย่างกว้างขวาง
ราคาปัจจุบัน
ข้อมูลความรู้
จำนวนผู้เข้าชม
1628 ครั้ง
สถานะ
โชว์พระ
โดย
ชื่อร้าน
โจ้ ลำนารายณ์
URL
เบอร์โทรศัพท์
0800609985
ID LINE
BIGJOE8888
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
1. ธนาคารไทยพาณิชย์ / 663-2-33219-6




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี