พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
พระเหนือพรหม พิ...
พระเหนือพรหม พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงมหาจักรพรรดิ์ ปี 2517 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
การสร้างพระผงมหาจักรพรรดิสูตรหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"

ในการสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่นั้น จักสังเกตุเห็นได้ว่าหลวงปู่ดู่ท่านจะสร้างพระเครื่องไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติแก่บรรดาศิษย์เพื่อให้ระลึกเสมอว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ทรงประเสริฐสุดหาที่เปรียบมิได้ ดังที่จะกล่าวในพระชุด "พระพุทธเจ้าเหนือพรหม" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "พระพรหม" หลวงปู่ดู่ท่านได้หยิบยกพระพุทธตำนานตอนหนึ่งซึ่งเป็นพระตำนานที่อยู่ในบทสวดพระคาถาพาหุงบทหนึ่งว่า

“ทุคคาหะทิฏฐิ ภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง* วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ”

(* พรัหมัง อ่านว่า พรัมมัง)

…พระคาถาบทพาหุงบทนี้ ตามพุทธตำนานได้กล่าวถึงตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบทิฐิของท้าวผกาพรหมที่ว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์มากและมีความอมตะไม่ตาย จึงคิดท้าพระพุทธเจ้าให้มาลองอิทธิฤทธิ์กัน โดยการท้าลองครั้งนี้คือให้อีกฝ่ายซ่อนและอีกฝ่ายหา หากผู้ใดซ่อนและผู้หา หาไม่พบถือว่าชนะและฝ่ายแพ้จะต้องมาเป็นสาวกของฝ่ายชนะ…เริ่มจากฝ่ายท้าวผกาพรหมเป็นผู้ซ่อนก่อน ท้าวผกาพรหมแปลงกายเป็นธุลีเม็ดทรายหนึ่งเม็ดโดยซ่อนตนเองปะปนอยู่ในทะเลทราย ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ใช้ฌาณ ตรวจหาไม่นานก็ค้นพบท้าวผกาและชี้ถูกว่าท้าวผกาพรหมเป็นเม็ดทรายเม็ดไหนอย่างถูกต้องครั้งนี้ท้าวผกาพรหมจึงเป็นฝ่ายแพ้ พอถึงคราวพระพุทธเจ้าเป็นผู้ซ่อนบ้าง พระพุทธองค์ทรงย่อพระวรกายให้เล็กลงแล้วเสด็จขึ้นไปประทับซ่อนอยู่ในมวยผมบนเศียรของท้าวผกาพรหม ฝ่ายหาคือท้าวผกาพรหม ก็เริ่มตามหาพระพุทธเจ้าหายังไงก็หาไม่เจอ หาทั่วทั้ง 3 ภพ(ภพโลก ภพสวรรค์ ภพนรก)ก็หาไม่เจอหาไปสุดขอบแดนจักรวาลก็หาไม่เจอ ท้าวผกาพหรมจึงยอมแพ้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าท้าว ผกาพรหมลดทิฏฐิลงมากแล้ว พระพุทธองค์จึงคลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม และทรงแสดง พระธรรมเทศนาโปรดท้าวผกาพรหม จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน แต่ขณะนี้เป็นพระอนาคามีแล้ว จักเข้าถึงพระนิพพาน ในยุคพระศรีอริยเมตไตรย จากนั้นมาจึงมีพระนามเรียกขานกันว่า “พระพรหม”…การนำบทสวดมหาจักพรรดิมาใช้ในการสร้างพระหลวงปู่ดู่ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังถึงการปลุกเสก หรืออธิษฐานจิตในวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกว่า
“นอกจากการใช้พลังจิตในการปลุกเสกแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์ตามเจ็ดตำนาน” ซึ่งท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชชา โดยบทที่ท่านสวดทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกกันว่า “บทชมพูปติสูตร”ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และ เทวดาทั้งปวง แสดงถึงธรรมที่ชนะอธรรม

มีบทคาถาหนึ่งที่หลวงปู่ดู่ ท่านบอกไว้แก่ลูกหลาน ท่านเรียกพระคาถาบทนี้ว่า “คาถามหาจักรพรรดิ” โดยทั้งนี้ในการปลุกเสกหลวงปู่ ท่านอารธนากำลังของบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด โดยน้อมนำอารธนา บารมีรวมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบัน บรมมหาจักรพรรดิทุกๆพระองค์ บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมพระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด

บทสวดพระมหาจักรพรรดิ

นะโมพุทธายะ พระพุทธะไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

พระเหนือพรหมของหลวงปู่ที่จัดสร้างช่วงแรก ๆ มีเนื้อเดียวคือ "เนื้อผงสีขาว" หรือที่เรียกกันว่า "ผงมหาจักรพรรดิ" ที่หลวงปู่ดู่ลบผงด้วยตัวท่านเอง พระบางองค์มีคราบสีเหลือง มาจากที่ท่านนำพระเหนือพรหมแช่น้ำชาที่ท่านชงดื่ม และจะเป็นที่นิยมมากในบรรดาลูกศิษย์ พุทธคุณและปาฏิหาริย์ของพระเหนือพรหมของหลวงปู่ดู่ ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อดู่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าพระเหนือพรหมของหลวงพ่อ ใครมีไว้บูชา เรื่องร้ายจะกลับกลายเป็นดี คนดวงตกก็รอดได้ ผู้ใดได้ไข้ได้เจ็บก็หายผี และปีศาจร้ายมิอาจกล้ำกราย คุณไสยมนต์ดำการกระทำย่ำยีมิอาจครอบงำ ผู้ใดเป็นศัตรูคิดร้าย จะพินาศด้วยวิบากกรรมของตนเอง บูชาติดตัวไว้ เทพ พรหม เทวดาและมนุษย์รักใคร่เมตตาปราณี ถ้าถึงเวลาหมดอายุจิตสงบพบทางสว่างมีสุขคติเป็นที่ไป

------------------------

พระพรหมพิมพ์ใหญ่ของหลวงลุงดู่ พรหมปัญโญ
เขียนโดย ผศ.มานิตย์ เขียวดารา

กิจวัตรประจำของหลวงลุงดู่ พรหมปัญโญ คือหลังจากท่านฉันภัตตาหารเช้าแล้วท่านจะเข้ากุฎีแล้วเลยออกไปด้านหลังกุฎีเพื่อทำกิจส่วนตัวของท่าน หลังจากเรียบร้อยแล้วท่านจะจัดการแกะพระออกจากพิมพ์ (สถานที่นี้คือชานนอกกุฎีระหว่างห้องและห้องน้ำ) ใส่ไว้ในถาดกลมๆแบบโบราณ ที่นิยมเอาใส่ถ้วยชามอาหารถวายพระ มีตะไบยาวประมาณศอกอยู่สองอันเอาไว้แต่งพระ แกะพระออกจากพิมพ์เสร็จท่านจะล้างแม่พิมพ์ซึ่งทำด้วยยางพาราจนสะอาดดีแล้ว ก็ผสมปูนซีเมนต์ขาวกับผงพระ แล้ว ใช้ช้อนตักหยอดลงในแม่พิมพ์จนเต็มทุกช่อง เสร็จจากนั้นท่านก็จะมาดูพระที่แกะออกจากแม่พิมพ์แล้ว องค์ที่มีเนื้อเกินก็ใช้ตะไบถูแต่งให้พอดี องค์ที่งามอยู่แล้วก็ไม่แต่ง ท่านจะคัดองค์ที่สมบูรณ์ งามๆ เอาแช่ในน้ำมนตร์ทำให้องค์พระเป็นสีขาว องค์ทั่วๆไปก็แช่ในน้ำน้ำมนตร์ปนกับน้ำชาที่เหลือจากการเลี้ยงแขกที่หน้ากุฎี องค์พระจะเป็นสีน้ำตาล ผมเองเวลาเข้าปฏิบัติหรือ "ทำงาน" ก็มักมา "ทำงาน" ที่ตรงนี้ หลวงลุงจะให้ช่วย "เทพระ" ในโอกาสวันสำคัญเสมอ หรือไม่ผมก็ขอท่าน "เทพระ" ในวันเกิดตนเองบ้างซึ่งท่านก็เมตตาให้ "เทพระ" ทุกครั้ง และที่สำคัญคือท่านต้องให้วิรัตน์ศีล และทำสมาธิให้ดีเสียก่อน ผมช่วยท่านแต่งองค์พระเกือบทุกครั้งที่ไปค้างที่วัด เสร็จแล้วก็เลือกพระองค์สวยๆ (ส่วนใหญ่จะเป็นที่แช่ในน้ำมนตร์) ออกมาขอท่านให้ประสิทธิ์ประสาทให้โอกาสแรกที่ขอท่านถามว่า "เอ็งจะเอาไปทำไมหลายองค์" ผมตอบท่านว่าจะขอเก็บไว้แจกลูกศิษย์อื่นๆในโอกาสหน้า ท่านบอก "เออได้แต่ พรหมข้าห้ามแจกใครนะ ข้าแจกเอง ข้าไม่อยู่แล้วค่อยให้คนอื่นได้" ผมรับปากท่าน หลังจากนั้นผมก็นำพระพรหมที่เลือกแล้วมาขอให้ท่านประสิทธิ์ประสาทให้ทุกครั้งตอนก่อนกลับบ้าน ลูกศิษย์รุ่นเก่าที่มีพระคุณยิ่งของผมก็เก็บพระพรหมแบบเดียวกับผมเหมือนกันแต่ท่านไม้ได้เลือกองค์สวยๆอย่างผม นานพอควรในการนี้จนวันหนึ่งท่านเอ่ยปากว่า "เอ็งสองคนเขียนตัวพอเป็นหรือยัง" แล้วหัวเราะ ผมกราบท่านแล้วเรียนท่านว่า "ครับ เขียนเป็นแล้วครับ" หลังจากนั้นก็ไม่ขอพรหมจากท่านอีกเลย ผมเองได้รับพระพรหมองค์แรกจากท่านตั้งแต่วันแรกที่ไปกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครับ หลังจากหลวงลุงละสังขาร หลวงพี่ลำใย สัญญโม ศิษย์รูปสำคัญของหลวงลุงกับลูกศิษย์รุ่นหลังผมเกือบ 20 คน ไปที่บ้านผม ผมถวายพรหมให้ท่านไปจำนวนหนึ่งและแจกทุกคนที่ไปด้วยคนละองค์

ผมเล่าเรื่องย้อนหลังมาตั้งนาน มาเข้าเรื่อง "สุดยอดพระเครื่องของหลวงลุงดู่ พรหมปัญโญ" กันเสียที วันหนึ่งผมไปวัดพร้อมกับพี่ช้าง ราชดำเนิน พี่แอ๊ด อุทัย ได้นั่งสนทนากับท่าน พอดีได้คุยกันเรื่องพระสมเด็จ ซึ่งคุยกันว่าตอนนี้ราคาสูงมากถึงสิบล้านบาท ท่านก็บอกว่าของข้าก็มีองค์หนึ่ง ผมรีบถามทันทีว่ายังอยู่ไหมครับท่านบอกว่าข้าบดทำเป็นผงผสมไปในพระแล้ว พวกเราได้แต่บอกว่าเสียดายครับ ท่านยิ้มแล้วบอกว่า"พรหมของข้า ต่อไป.....มันก็หัวชนกันแย่งกัน พรหมของข้ากันปรมาณูได้"

ในอดีตที่หลวงลุงยังไม่ละสังขารนั้น พรหมหรือพระพรหม ของท่านเป็นที่ปรารถนาของลูกศิษย์อย่างยิ่ง เพราะท่านไม่ได้แจกให้กับทุกคน ท่านให้เฉพาะศิษย์ที่ท่านจะให้เท่านั้นและมีจำนวนไม่มากคนด้วยครับ ศิษย์ที่ได้จะได้ของเหมือนกันทุกคน หลายคนไปกราบท่านครั้งแรกก็ได้เลยบางคนทำดีปฏิบัติดีแล้วจึงได้แต่หลายคนไปเป็นสิบปีก็ไม่ได้ ใครได้พระพรหมจากท่านถือว่าสุดยอดครับ.....
ผู้เข้าชม
6779 ครั้ง
ราคา
-
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
ร้านค้า
-
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
-
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
คม พุทธคุณตั้มบารมีเทพจิระเจริญสุขชาวานิชชา วานิช
สมเกียรติ23somemanhoppermanโกหมูมิ้น หนองมนlord
Erawanเปียโนนะ ย่าโมจ่าดี พระกรุjochoaekvios
termboonPUNPRAxnaraTotoTatoหมี คุณพระช่วยม่อน นครนนท์
kuakrankaew กจ.บ้านพระสมเด็จบ้านพระหลักร้อยNarongdej1Pakpoom1996

ผู้เข้าชมขณะนี้ 1507 คน

เพิ่มข้อมูล

พระเหนือพรหม พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงมหาจักรพรรดิ์ ปี 2517 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก



  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
พระเหนือพรหม พิมพ์ใหญ่ เนื้อผงมหาจักรพรรดิ์ ปี 2517 หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
รายละเอียด
การสร้างพระผงมหาจักรพรรดิสูตรหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ"

ในการสร้างพระเครื่องประเภทเนื้อปูนผสมผงมหาจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่นั้น จักสังเกตุเห็นได้ว่าหลวงปู่ดู่ท่านจะสร้างพระเครื่องไว้เพื่อเป็นพุทธานุสติแก่บรรดาศิษย์เพื่อให้ระลึกเสมอว่าพระพุทธองค์ทรงเป็นผู้ทรงประเสริฐสุดหาที่เปรียบมิได้ ดังที่จะกล่าวในพระชุด "พระพุทธเจ้าเหนือพรหม" หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "พระพรหม" หลวงปู่ดู่ท่านได้หยิบยกพระพุทธตำนานตอนหนึ่งซึ่งเป็นพระตำนานที่อยู่ในบทสวดพระคาถาพาหุงบทหนึ่งว่า

“ทุคคาหะทิฏฐิ ภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง
พรัหมัง* วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง
ญาณาคะเทนะวิธินา ชิตะวา มุนินโท
ตันเตชะสา ภะวะตุเต ชะยะมังคะลานิ”

(* พรัหมัง อ่านว่า พรัมมัง)

…พระคาถาบทพาหุงบทนี้ ตามพุทธตำนานได้กล่าวถึงตอนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ปราบทิฐิของท้าวผกาพรหมที่ว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์มากและมีความอมตะไม่ตาย จึงคิดท้าพระพุทธเจ้าให้มาลองอิทธิฤทธิ์กัน โดยการท้าลองครั้งนี้คือให้อีกฝ่ายซ่อนและอีกฝ่ายหา หากผู้ใดซ่อนและผู้หา หาไม่พบถือว่าชนะและฝ่ายแพ้จะต้องมาเป็นสาวกของฝ่ายชนะ…เริ่มจากฝ่ายท้าวผกาพรหมเป็นผู้ซ่อนก่อน ท้าวผกาพรหมแปลงกายเป็นธุลีเม็ดทรายหนึ่งเม็ดโดยซ่อนตนเองปะปนอยู่ในทะเลทราย ด้วยพระบารมีของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ใช้ฌาณ ตรวจหาไม่นานก็ค้นพบท้าวผกาและชี้ถูกว่าท้าวผกาพรหมเป็นเม็ดทรายเม็ดไหนอย่างถูกต้องครั้งนี้ท้าวผกาพรหมจึงเป็นฝ่ายแพ้ พอถึงคราวพระพุทธเจ้าเป็นผู้ซ่อนบ้าง พระพุทธองค์ทรงย่อพระวรกายให้เล็กลงแล้วเสด็จขึ้นไปประทับซ่อนอยู่ในมวยผมบนเศียรของท้าวผกาพรหม ฝ่ายหาคือท้าวผกาพรหม ก็เริ่มตามหาพระพุทธเจ้าหายังไงก็หาไม่เจอ หาทั่วทั้ง 3 ภพ(ภพโลก ภพสวรรค์ ภพนรก)ก็หาไม่เจอหาไปสุดขอบแดนจักรวาลก็หาไม่เจอ ท้าวผกาพหรมจึงยอมแพ้ เมื่อพระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าท้าว ผกาพรหมลดทิฏฐิลงมากแล้ว พระพุทธองค์จึงคลายฤทธานุภาพกลับสู่สภาพเดิม และทรงแสดง พระธรรมเทศนาโปรดท้าวผกาพรหม จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน แต่ขณะนี้เป็นพระอนาคามีแล้ว จักเข้าถึงพระนิพพาน ในยุคพระศรีอริยเมตไตรย จากนั้นมาจึงมีพระนามเรียกขานกันว่า “พระพรหม”…การนำบทสวดมหาจักพรรดิมาใช้ในการสร้างพระหลวงปู่ดู่ท่านเล่าให้ศิษย์ใกล้ชิดฟังถึงการปลุกเสก หรืออธิษฐานจิตในวัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสกว่า
“นอกจากการใช้พลังจิตในการปลุกเสกแล้ว ที่ท่านใช้อยู่เสมอคือ บทสวดมนต์ตามเจ็ดตำนาน” ซึ่งท่านบอกว่า ดีกว่าคาถาอาคมมากมาย เพราะเป็นเรื่องราวของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ทั้งนั้น ไม่จัดเป็นเดรัจฉานวิชชา โดยบทที่ท่านสวดทำทุกครั้งคือ บทพระพุทธเจ้าทรมานพญาชมพูบดี หรือที่เรียกกันว่า “บทชมพูปติสูตร”ซึ่งแสดงถึงอำนาจหรือบารมีของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูของมนุษย์และ เทวดาทั้งปวง แสดงถึงธรรมที่ชนะอธรรม

มีบทคาถาหนึ่งที่หลวงปู่ดู่ ท่านบอกไว้แก่ลูกหลาน ท่านเรียกพระคาถาบทนี้ว่า “คาถามหาจักรพรรดิ” โดยทั้งนี้ในการปลุกเสกหลวงปู่ ท่านอารธนากำลังของบารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ท่านอันเป็นที่สุด โดยน้อมนำอารธนา บารมีรวมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบัน บรมมหาจักรพรรดิทุกๆพระองค์ บารมีรวมพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ พระธรรมและพระอริยสงฆ์ทั้งหลายโดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมพระเจ้าจักรพรรดิตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต บารมีรวมหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ท่านอันเป็นที่สุด

บทสวดพระมหาจักรพรรดิ

นะโมพุทธายะ พระพุทธะไตรรัตนะญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะสุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

พระเหนือพรหมของหลวงปู่ที่จัดสร้างช่วงแรก ๆ มีเนื้อเดียวคือ "เนื้อผงสีขาว" หรือที่เรียกกันว่า "ผงมหาจักรพรรดิ" ที่หลวงปู่ดู่ลบผงด้วยตัวท่านเอง พระบางองค์มีคราบสีเหลือง มาจากที่ท่านนำพระเหนือพรหมแช่น้ำชาที่ท่านชงดื่ม และจะเป็นที่นิยมมากในบรรดาลูกศิษย์ พุทธคุณและปาฏิหาริย์ของพระเหนือพรหมของหลวงปู่ดู่ ศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อดู่คนหนึ่งเล่าให้ฟังว่าพระเหนือพรหมของหลวงพ่อ ใครมีไว้บูชา เรื่องร้ายจะกลับกลายเป็นดี คนดวงตกก็รอดได้ ผู้ใดได้ไข้ได้เจ็บก็หายผี และปีศาจร้ายมิอาจกล้ำกราย คุณไสยมนต์ดำการกระทำย่ำยีมิอาจครอบงำ ผู้ใดเป็นศัตรูคิดร้าย จะพินาศด้วยวิบากกรรมของตนเอง บูชาติดตัวไว้ เทพ พรหม เทวดาและมนุษย์รักใคร่เมตตาปราณี ถ้าถึงเวลาหมดอายุจิตสงบพบทางสว่างมีสุขคติเป็นที่ไป

------------------------

พระพรหมพิมพ์ใหญ่ของหลวงลุงดู่ พรหมปัญโญ
เขียนโดย ผศ.มานิตย์ เขียวดารา

กิจวัตรประจำของหลวงลุงดู่ พรหมปัญโญ คือหลังจากท่านฉันภัตตาหารเช้าแล้วท่านจะเข้ากุฎีแล้วเลยออกไปด้านหลังกุฎีเพื่อทำกิจส่วนตัวของท่าน หลังจากเรียบร้อยแล้วท่านจะจัดการแกะพระออกจากพิมพ์ (สถานที่นี้คือชานนอกกุฎีระหว่างห้องและห้องน้ำ) ใส่ไว้ในถาดกลมๆแบบโบราณ ที่นิยมเอาใส่ถ้วยชามอาหารถวายพระ มีตะไบยาวประมาณศอกอยู่สองอันเอาไว้แต่งพระ แกะพระออกจากพิมพ์เสร็จท่านจะล้างแม่พิมพ์ซึ่งทำด้วยยางพาราจนสะอาดดีแล้ว ก็ผสมปูนซีเมนต์ขาวกับผงพระ แล้ว ใช้ช้อนตักหยอดลงในแม่พิมพ์จนเต็มทุกช่อง เสร็จจากนั้นท่านก็จะมาดูพระที่แกะออกจากแม่พิมพ์แล้ว องค์ที่มีเนื้อเกินก็ใช้ตะไบถูแต่งให้พอดี องค์ที่งามอยู่แล้วก็ไม่แต่ง ท่านจะคัดองค์ที่สมบูรณ์ งามๆ เอาแช่ในน้ำมนตร์ทำให้องค์พระเป็นสีขาว องค์ทั่วๆไปก็แช่ในน้ำน้ำมนตร์ปนกับน้ำชาที่เหลือจากการเลี้ยงแขกที่หน้ากุฎี องค์พระจะเป็นสีน้ำตาล ผมเองเวลาเข้าปฏิบัติหรือ "ทำงาน" ก็มักมา "ทำงาน" ที่ตรงนี้ หลวงลุงจะให้ช่วย "เทพระ" ในโอกาสวันสำคัญเสมอ หรือไม่ผมก็ขอท่าน "เทพระ" ในวันเกิดตนเองบ้างซึ่งท่านก็เมตตาให้ "เทพระ" ทุกครั้ง และที่สำคัญคือท่านต้องให้วิรัตน์ศีล และทำสมาธิให้ดีเสียก่อน ผมช่วยท่านแต่งองค์พระเกือบทุกครั้งที่ไปค้างที่วัด เสร็จแล้วก็เลือกพระองค์สวยๆ (ส่วนใหญ่จะเป็นที่แช่ในน้ำมนตร์) ออกมาขอท่านให้ประสิทธิ์ประสาทให้โอกาสแรกที่ขอท่านถามว่า "เอ็งจะเอาไปทำไมหลายองค์" ผมตอบท่านว่าจะขอเก็บไว้แจกลูกศิษย์อื่นๆในโอกาสหน้า ท่านบอก "เออได้แต่ พรหมข้าห้ามแจกใครนะ ข้าแจกเอง ข้าไม่อยู่แล้วค่อยให้คนอื่นได้" ผมรับปากท่าน หลังจากนั้นผมก็นำพระพรหมที่เลือกแล้วมาขอให้ท่านประสิทธิ์ประสาทให้ทุกครั้งตอนก่อนกลับบ้าน ลูกศิษย์รุ่นเก่าที่มีพระคุณยิ่งของผมก็เก็บพระพรหมแบบเดียวกับผมเหมือนกันแต่ท่านไม้ได้เลือกองค์สวยๆอย่างผม นานพอควรในการนี้จนวันหนึ่งท่านเอ่ยปากว่า "เอ็งสองคนเขียนตัวพอเป็นหรือยัง" แล้วหัวเราะ ผมกราบท่านแล้วเรียนท่านว่า "ครับ เขียนเป็นแล้วครับ" หลังจากนั้นก็ไม่ขอพรหมจากท่านอีกเลย ผมเองได้รับพระพรหมองค์แรกจากท่านตั้งแต่วันแรกที่ไปกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครับ หลังจากหลวงลุงละสังขาร หลวงพี่ลำใย สัญญโม ศิษย์รูปสำคัญของหลวงลุงกับลูกศิษย์รุ่นหลังผมเกือบ 20 คน ไปที่บ้านผม ผมถวายพรหมให้ท่านไปจำนวนหนึ่งและแจกทุกคนที่ไปด้วยคนละองค์

ผมเล่าเรื่องย้อนหลังมาตั้งนาน มาเข้าเรื่อง "สุดยอดพระเครื่องของหลวงลุงดู่ พรหมปัญโญ" กันเสียที วันหนึ่งผมไปวัดพร้อมกับพี่ช้าง ราชดำเนิน พี่แอ๊ด อุทัย ได้นั่งสนทนากับท่าน พอดีได้คุยกันเรื่องพระสมเด็จ ซึ่งคุยกันว่าตอนนี้ราคาสูงมากถึงสิบล้านบาท ท่านก็บอกว่าของข้าก็มีองค์หนึ่ง ผมรีบถามทันทีว่ายังอยู่ไหมครับท่านบอกว่าข้าบดทำเป็นผงผสมไปในพระแล้ว พวกเราได้แต่บอกว่าเสียดายครับ ท่านยิ้มแล้วบอกว่า"พรหมของข้า ต่อไป.....มันก็หัวชนกันแย่งกัน พรหมของข้ากันปรมาณูได้"

ในอดีตที่หลวงลุงยังไม่ละสังขารนั้น พรหมหรือพระพรหม ของท่านเป็นที่ปรารถนาของลูกศิษย์อย่างยิ่ง เพราะท่านไม่ได้แจกให้กับทุกคน ท่านให้เฉพาะศิษย์ที่ท่านจะให้เท่านั้นและมีจำนวนไม่มากคนด้วยครับ ศิษย์ที่ได้จะได้ของเหมือนกันทุกคน หลายคนไปกราบท่านครั้งแรกก็ได้เลยบางคนทำดีปฏิบัติดีแล้วจึงได้แต่หลายคนไปเป็นสิบปีก็ไม่ได้ ใครได้พระพรหมจากท่านถือว่าสุดยอดครับ.....
ราคาปัจจุบัน
-
จำนวนผู้เข้าชม
6962 ครั้ง
สถานะ
ยังอยู่
โดย
ชื่อร้าน
ยังไม่เปิดร้านค้า
URL
-
เบอร์โทรศัพท์
0856946251
ID LINE
-
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี